วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

แผนธุรกิจ


1. ภาพรวม


เนื่องจากปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะวัยรุ่นมีความสนใจในการเล่นดนตรีเป็นอย่างมาก ที่จะก้าวตามฝันและประกอบอาชีพ

ทำมาหากิน สืบเนื่องจากเรื่องยาเสพติดด้วยจึงเป็นเรื่องดีมากหากวัยรุ่นเข้ามาสนใจเล่นดนตรีใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ดีกว่าเอาไปมั่ว

สุมเรื่องอื่นๆที่ไม่ได้ แต่การเล่นดนตรีก็ต้องมีอุปกรณ์ซึ่งแต่ละตัวก็แพงด้วย ทำให้คนที่มีความสนใจส่วนใหญ่ไม่มีเล่นกัน ทางเรามองเห็น

ปัญหานี้จึงคิดสร้างธุรกิจห้องซ้อมดนตรี ในราคาย่อมเยาให้ผู้คนมีสถานที่ในการเล่นดนตรี



1.1 เป้าหมายของธุรกิจ

- ให้ผู้ที่มีความสามารถได้มีที่แสดงออก

- ลดปัญหาการมั่วสุมที่ไม่ดี

- เป็นศูนย์รวมคนดนตรี

- ให้ธุรกิจขยายไปทั่วประเทศ

1.2 ปัจจัยแห่งความสำเร็จ

- ความเป็นกันเองกับลูกค้า

- ราคาไม่แพง

- การให้บริการ อุปกรณ์ต่างๆ



2. ลักษณะของโครงการ

เปิดบริการให้คนที่รักในเสียงเพลงได้มีอุปกรณ์และสถานที่ในการแสดงออกความสามารถและค้นหาตัวเอง



3. การวิเคราะห์ตลาด



เนื่องจากทุกวันนี้ห้องซ้อมมีน้อย การที่เราเปิดบริการขึ้นมาก็จะเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นและราคาไม่แพงเหมาะกับวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา



4. การวิเคราะห์สถานการณ์โดยSWOT analysis



4.1 จุดแข็ง



- บริการดีเป็นกันเอง

- ราคาไม่แพง

- อุปกรณ์มีคุณภาพ



4.2 จุดอ่อน

- ร้านใหม่คนอาจจะยังไม่รู้จัก

- เวลาส่วนใหญ่ของนักเรียน นักศึกษา จะว่างหลังเลิกเรียน จะเสียรายได้ช่วงกลางวันไป



4.3 โอกาส

เนื่องจากห้องซ้อมดนตรีมีไม่มากจึงเป็นโอกาสที่ดี ที่คนจะเลือกมาที่ร้านเราเพราะคนต้องการเล่นดนตรีมีมาก



4.4 อุปสรรค

- อุปกรณ์เสียบ่อยๆ

- ค่าไฟแพง

- เสียดังรบกวนห้องข้างๆ





5. แผนการตลาด



สถานประกอบการในการขายสินค้า



ที่ตั้งสถานที่



- ห้องแถวหน้ามอ

เป็นทำเลที่ดีเพราะนักศึกษามีเวลาว่างได้ตลอดและแถวๆนี้ไม่ค่อยมีห้องซ้อมดนตรีรองรับนักศึกษา



กลยุทธ์ทางการตลาด



1. กลยุทธ์ด้านบริการ

เน้นความพึ่งพอใจของลูกค้า บริการด้วยรอยยิ้ม ความจริงใจ ให้คำปรึกษาทางด้านดนตรี



2. กลยุทธ์ด้านราคา

- ราคารถูก

- เล่น 10 ชั่งโมงแถม 1 ชั่วโมง

- ชุดนักเรียนลด 50 บาท



3. กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาด

ปรับเปลี่ยนโปรโมทชั่นตามการเปลี่ยนแปลงต่างในวงการ



6. แผนการเงิน



ในการประกอบธุรกิจนั้นต้องมีเงินทุนเพื่อนำมาหมุนเวียนและบริหารใช้จ่ายภายในร้าน

แหล่งเงินที่นิยม คือ ธนาคารต่าง ๆ ที่ปล่อยสินเชื่อเพื่อการค้า แผนการเงินของร้านเลือกการหาเงินทุนจากธนาคาร



งบประมาณการลงทุน



ค่าเช่าที่เดือนละ 10,000 บาทมัดจำ 3 เดือน 30,000.-

ค่าตกแต่งร้าน 30,000.-

กีต้าร์ 2 ตัว 70,000.-

เบส 40,000.-

กลอง 60,000.-

เครื่องเสียงทั้งหมด 100,000.-

เครื่องปรับอากาศ 22,000.-

ค่าโฆษณา 10,000.-

ค่าเบ็ตเคล็ดปีกย่อย 10,000.-

รวมทั้งสิ้น 370,000.-

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คน 3 คน

ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง



หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาตเห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร
ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่า ‘ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ ‘

หลวงตานั่งลงข้าง ๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ว่า
‘เจ้ารู้ไหม ในตัวเรามีคนอยู่สามคน คนแรกคือ คนที่เราอยากจะเป็น
คนที่สองคือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น คนที่สามคือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ’
ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา

‘คนเราล้วนมีความฝัน ความทะยานอยาก ตามประสาปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน เช่น บางคนอยากเป็นนักร้อง เป็นนักมวย เป็นดารา ถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตน เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ ‘

มาถึงไอ้ตัวที่สอง จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็น บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศ จนเราอาย เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก แต่เราก็ยิ้มรับ แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์ จนไม่อยากจะนึกถึง ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้ ‘

อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถ ก็ต้องขับรถหนี ทั้งที่ศพนั้น ถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร’

สมัยที่หลวงตายังไม่ได้บวชเคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีผัวแล้ว เพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยว ส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่อง ชาวบ้านซุบซิบนินทา หาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน คนที่เห็นนั้นมองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้า ไร้วิจารณญาณ ใจแคบ มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม เจ้าต้องจำไว้นะ ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมา เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่าอย่าทำ อย่าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล ‘

แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อย ๆ’ ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้วเริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา

เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์ เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ เราห้ามใจใครไม่ได้ สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ใจเราควรสงบนิ่ง ยังไม่ต้องชำระ ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่ เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสารมีเวลามองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม’

เข้าใจครับหลวงตา’ เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง

นัยอันล้ำลึกของคำว่า “ขอบคุณ”

แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝนต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน
ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้
ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวันก็ยังโง่เท่าเดิม


นัยอันล้ำลึกของคำว่า “ขอบคุณ”

ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ
ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ

ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ

ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์
ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ

ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
ขอบคุณความทุกข์ที่ ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน

ขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น
ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ…


โดยท่าน ว. วชิรเมธี